แจกฟรีบิทคอยน์ทุกๆ 10 นาที

แจกฟรีบิทคอยน์ทุกๆ 10 นาที
เว็บแจกฟรีบิทคอยน์ Free Bitcoin เว็บแจกบิทคอยน์ 1000 - 5000 Satoshi ทุกๆ 10 นาที

วันอาทิตย์ที่ 22 สิงหาคม พ.ศ. 2553

ความลับเเตก

ขณะนั่งดูทีวีกันอยู่ในห้องนั่งเล่ีน

จู่ๆ สามีก็ถามภรรยาว่า

" ที่รัก ... ถ้าผมตาย คุณจะแต่งงานใหม่ไหม "

ภรรยา บอกว่า " น่าจะแต่ง .. คุณก็รู้ี่ีนี่ฉันกลัวความเหงา "

" แล้วคุณจะให้สามีใหม่ของคุณ มาขับสปอร์ตของผมไหม " สามีถาม

" ก็คงให้ขับ " ภรรยาตอบ

" แล้วชุดสูทแสนแพงของผมล่ะ ... คุณจะยกให้เขาใส่ไหม " สามียังไม่
หยุดถาม

ภรรยาส่ายหน้าตอบว่า " คงไม่หรอก ... เพราะเขาเตี้ยกว่าคุณ "

วันเสาร์ที่ 10 กรกฎาคม พ.ศ. 2553

"สูตรสำเร็จ" ละครของ "ฉลอง ภักดีวิจิตร"

1. ละครและหนังของฉลองมีเส้นแบ่งบางๆ ระหว่างคำว่า เชย และ อินดี้

2. วงการเพลงมีพี่น้องสินเจริญ ละครหนังฉลองก็มีพี่น้อง ภักดีวิจิตรบราเธอร์

3. พระเอกมักมีอาชีพเป็นตำรวจ (แม้ทั้งเรื่องไม่เคยใส่เครื่องแบบแต่นั่นแหละ..ผู้ก อง) ไม่จำเป็นต้องหล่อมากแต่ต้องบึก กำยำ และอันนี้สำคัญต้องมี....ขนหน้าอก

4. นางเอกมักแก่นเซี้ยว ลุยๆ ออกไปไหนไม่แต่งหน้า(หรือแต่ง) กำพร้าแม่ หากเป็นลูกตัวร้ายก็มักจะใฝ่ดี ทำแผลได้และขับเรือหางยาวเป็น

5. พ่อนางเอกมักทำธุรกิจผิดกฎหมาย เป็นผู้มีอิทธิพล แต่ถ้าเป็นคนดีมักได้เป็นกำนัน

6. กำนันจะมีลูกสาวคนเดียว(และสวย) กำพร้าเมีย มีบ้านใหญ่ มีไร่องุ่น คาดผ้าขาวม้าและห้อยพระสมเด็จ

7. นางเอกมีเพื่อนเล่นที่โตด้วยกันมาตั้งแต่เด็ก เป็นผู้หญิงชื่อมักจำง่าย(เช่น นังกระต่าย) ขี่จักรยานเฟสสันได้ ตอนแรกเกลียดผู้ชาย สุดท้ายมักได้แฟนก่อนนางเอก

8. หากเป็นผู้ชายก็มักเป็นลูกสมุนคู่ซ้อม อ้วน แคระ และผิวหมึก ที่สำคัญห้ามชอบนางเอก

9. เพื่อนพระเอกก็ต้องคู่กับเพื่อนนางเอก และมีความสัมพันธ์รุดหน้าก่อนคู่นางเอกเสมอ และแน่นอนรับบทโดย ภักดีวิจิตรบราเธอร์

10. หากในเรื่องมีฉากกุ๊กกิ๊กมีดนตรีประกอบ จะคล้ายกับมิวสิควีดีโอเพลงจากรายการชุมทางเสียงทอง (ของแท้ต้องมีโลโก้นพพรสีทองติดอยู่บนปก)

11. หนังฉลองห้ามมีกระเทยและคนใช้ มีได้...ก็ห้ามเด่น

12. พาหนะของพระเอกถ้าไม่ใหม่สุดๆ ก็ต้องเก่ากว่า 20 ปีขึ้นไป ราคาแพงในสมัยนั้น อะไหล่หายาก ขับพวงมาลัยซ้าย เข้าเกียร์กระปุกมือขวา (โจรโผล่มายิงยากนะนั่น !)

13. ลูกน้องตัวโกงมักได้บทพูดเท่าๆ กัน และโคลสอัพเต็มใบหน้าทุกคน

14. ความลับต่างๆ มักมาจากการได้ยินโดยความบังเอิญ จากการซุ่มหลังต้นไม้ กอไม้ไผ่ รั้วสังกะสีและต้องมีฝูงเป็ด

15. ออกจากบ้านไม่จำเป็นต้องพกกระเป๋าตังค์ โทรศัพท์มือถือ เอาลูกกระสุนใส่กระเป๋าให้เต็มไว้เหอะได้ใช้แน่นอน

16. ดูจากข้างนอกในผับบาร์คนคงจะเยอะ ไม่ต้องกลัวเข้าไปเหอะ มันมีที่ว่างหน้าเคาน์เตอร์อยู่ที่นึงให้นั่งเสมอ

17. ลูกน้องตัวโกงมักขี้หงุดหงิดเวลาโกรธจะเอามือตบโต๊ะ แต่เวลาอยู่กับหัวหน้าจะดูสุภาพ และพูดอะไรไปแล้วมักโดนตบเสมอ..

18. ร้านขายน้ำชากาแฟในหมู่บ้านเป็นที่ใครอยากรู้ข่าวอะ ไร มาที่นี่รับรองรู้หมด

19. ตัวละครที่เป็นฝรั่งพูดไทยได้ทุกคน ชัดไม่ชัดก็อีกเรื่อง

20. นางร้ายมักสวย ตายก่อนเสมอ และต้องนมโต...ไม่รู้เป็นอะไร

21. หนังพจน์ต้องมีโก๊ะตี๋ หนังฉลองภักดีก็ต้องมีกรุงศรีวิไล

22. จะต้องมีฉากหลงป่า (กฎ กติกา ข้อบังคับ)

23. จะเจอนายพรานแต่งเป็นกระเหรี่ยง และไม่ต้องเล่าอะไรเพราะนายพรานรู้หมดทุกอย่าง

24. ในกลุ่มจะต้องมีคนที่ดูฉลาดคู่หนึ่งเสมอ ให้เดาได้เลยว่าจะเป็นพระเอก กับนางเอก

25. ในเมื่อมีคนฉลาดก็ต้องมีคนโง่ไว้เป็นภาระซึ่งก็คือ นางร้าย และตัวที่ตลก

26. แม้ผืนป่าจะกว้างแค่ไหนก็ต้องมาจ๊ะเอ๋เจอกับลูกน้องตัวโกงเสมอ

27. ไม่พูดพร่ำทำเพลงไม่ต้องถามว่าเป็นพวกไหน จะต้องมีการยิงกันก่อน..

28. ทั้งสองฝ่ายต้องถอยไปตั้งหลัก(พวกตัวโกงจะวิ่งหนีใส่เกียร์หมา และมาตัวเปล่า-ส่วนพวกพระเอกจะหนี....อย่างเท่ห์ และแบกเป้รุงรัง)

29. พวกพระเอกจะต้องไปเจอถ้ำประหลาดที่มี แสงสว่างตลอดทั้งปี

30. หากมีใครแปลงร่างได้ก็จะเผยโฉมหน้าที่แท้จริงในถ้ำนี่แหละ..

31. หากแปลงเป็นเสือจะถ่ายฉากเสือมาจากสวนสัตว์เปิด และคำรามอย่างน้อยหนึ่งครั้ง(แต่ถ้ามีการตะปบจะเห็น (ถุง) มือเสือจริงๆ และมีเลือดกระฉูดกันเห็นๆ)

32. ฉากตัดมาตอนเช้าทุกคนจะร่วมวงดื่มกาแฟ และไม่พูดถึงเรื่องเมื่อคืน

33. ใครมีประโยคเด็ดอะไรก็มาปล่อยกันตอนนี้นี่แหละ(เจ้าให้ข้าดื่ม ไยข้าจะไม่ดื่ม/ปืนนะมีไว้แล้วไม่ได้ใช้ ดีกว่าจะใช้แล้วไม่มีนะผู้กอง)

34. เหมือนจะรู้ว่าใกล้ๆ มีน้ำตก นางเอกเตรียมผ้าถุงมาด้วย(นางเอกจึงขอตัวไปอาบน้ำ)

35. นางเอกจะนุ่งกระโจมอกเผยแค่หัวไหล่ แต่ถ้าเป็นนางร้ายอนุญาตให้เห็นมากกว่านี้ได้(ฉากนี้เราจะเห็นทรวดทรงของเธอ อย่างชัดเจน(ส่วนที่ดีที่สุดของหนังฉลอง))

36. นางเอกจะลูบไล้สบู่ไปมาแค่บริเวณต้นคอ เรียวแขนและเนินอกเท่านั้น แต่นางร้ายอนุญาตให้ล้วงไปในผ้าถุงได้

37. พลัน! เสียงกุกกักเกิดขึ้น

38. นางเอกจะตะโกนถามว่า..นั่นใครอ่ะ? แต่ร้อยทั้งร้อยไม่มีเสียงตอบรับ

39. แต่ถ้าเป็นจะใครสักคนก็มักเป็นพระเอก(นางเอกจะเขินอายโผล่แค่หัวในน้ำ หันหลังให้พระเอกแล้วพูดว่า “คุณมาแอบดูฉันเหรอ”)

40. แต่ถ้าไม่มีใครนางเอกจะรีบขึ้นมาจากน้ำแต่งตัว

41. และเมื่อเข้ามาในกลุ่มก็พบว่าพระเอกหายไป

42. ถ้านางเอกไม่ชอบพระเอกอยู่ก่อนแล้ว ยิ่งตอกย้ำว่า ~พระเอกต้องเป็นไอ้โรคจิต

43. พระเอกกลับมาแล้ว พร้อมกับไก่

44. การก่อกองไฟในเรื่องเป็นอะไรที่ง่ายมาก มีการย่างไก่และทุกคนกินอย่างเอร็ดอร่อยโดยไม่ต้องมี น้ำจิ้ม

45. นางเอกดูหิวกว่าคนอื่นเสมอแต่มักเก็บอาการเอาไว้

46. พระเอกจะเป็นคนเดียวที่ดูออกและถามนางเอกว่า “คุณไม่หิวเหรอครับ”(นางเอกมักจะตอบว่า "ไม่(สั้นๆ)" แต่พระเอกก็ยื่นไปให้)

47. ด้วยความหิวนางเอกจึงรับไว้และกินด้วยความลืมตัว

48. พระเอก “ไหนคุณว่าคุณไม่หิวไงครับ” (นางเอกนึกขึ้นได้ มองค้อนและพูดในใจว่า “ฝากไว้ก่อนเหอะตาบ้า”)

49. ดึกแล้ว คืนนี้เป็นคืนเดือนแรม กองไฟเพียงกองเดียวก็ให้แสงสว่างได้ทั่วทั้งป่า

50. นางร้ายอนุญาตให้นุ่งสั้นเข้านอนได้เพียงคนเดียวโดยไม่กลัวยุงป่า (เน้นซูมไปทั่วร่าง ~ ส่วนที่ดีที่สุดอีกส่วนหนึ่งของหนังฉลอง)

51. ของที่ตามหามาทั้งเรื่องมักอยู่ที่นางเอก แม้จะชิ้นใหญ่แค่ไหนก็มักพาไปไหนด้วยเสมอ เช่น รูปปั้นหินศิลาแลง (หนักนะนั่น!!)

52. ตำรวจจราจรมีอยู่ทุกที่ขับมอเตอร์ไซด์วิบากในป่า ก็ต้องใส่หมวกกันน็อค

53. ดนตรีประกอบจะต้องตื่นเต้นเร้าใจ ไม่เว้นแม้แต่ฉากตัวโกงกินโค้ก หรือพระเอกกำลังโบกแท็กซี่

54. เพลงประกอบละครอังกอร์ 1 คือต้นฉบับ เรื่องหน้าแค่เปลี่ยนคำศัพท์ และคัฟเวอร์

55. อย่าได้งงถ้าหากเห็นลูกน้องตัวโกงตัวหนึ่งโดนยิงตาย แต่ตอนท้ายแต่งกายมาเป็นชาวบ้านเพราะทุกคนเป็น ~ อมตะ

56. ทุกครั้งที่ต่อสู้กับผู้ร้าย นางเอกจะตะโกนเรียกพระเอกด้วยความเป็นห่วงจนพระเอกพลาดท่าผู้ร้ายเสมอ

57. แม้จะโดนผู้ร้ายสาดกระสุนสักเท่าไร พระเอกจะโดนยิงแค่หนึ่งนัดตรงหัวไหล่หรือไม่ก็ต้นขา ส่วนคนที่ทำแผลให้ ไปดูข้อ 4

58. ถ้าดูละครหนังฉลองไม่รู้เรื่องก็อย่าไปดูเหนังรื่องอื่นเลยนะ(โดยเฉพาะของ ศาสดาเป็นเอก Invisible Waves)

59. และสุดท้ายตอนจบ พระเอกไม่เคยตาย(เพื่อรอจะพูดประโยคสุดท้ายว่า ผมร้อยตำรวจเอก...ในนามของ...ขอขอบคุณทุกคนที่ให้ควา มร่วมมือกับทางราชการ จ่าช่วยเอาตัวพวกนี้ไปโรงพักด้วย!)

60. แล้วเมื่อสันติสุขมาเยือนอีกครั้ง พระเอกก็ขอนางเอกแต่งงาน ณ ที่ตรงนั้น

วันจันทร์ที่ 28 มิถุนายน พ.ศ. 2553

จะเอาอะไรมาขายอีก

สตรีนาง หนึ่งแต่งงานมีลูกแล้ว และเธอก็มีชู้ด้วย 1 คน
ทุกวันพุธเธอจะพาชู้มาที่บ้าน
และระหว่างนั้นเธอก็จะให้ลูกชายอายุ 8 ขวบไปอยู่ในตู้เสื้อผ้า

พุธหนึ่งสามีเธอเกิดเลิกงานเร็ว ผิดปกติและกลับบ้านก่อนเวลา
เธอตกใจมากจึงรีบพาชายชู้มาหลบในตู้เดียวกะที่ลูกชายเธออยู่
พอตู้เสื้อผ้าปิดลงเด็กน้อยก็พูดขึ้นว่า

"ใน นี้มืดจังเลยนะครับ"
"อื้อ นั่นน่ะสินะ" ชายชู้ตอบ
"ผมมีลูกเบสบอลลูก นึง ขายให้คุณ 50 ดอลล่า เอามั้ยครับ?"
เด็กน้อยเสนอ
ชายชู้รีบตอบปฏิเสธทันที
"ไม่เอาเว้ย ขายขูดรีดกันนี่หว่า"
"งั้นผมไปบอกพ่อดีกว่า ว่าคุณอยู่ในนี้
"เออ เอามาก็ได้วะ" ชายชู้จำยอม

พุธต่อมาก็เกิด เหตุการแบบเดียวกันขึ้น อีก
ชายชู้จึงถูกพาไปหลบในตู้เสื้อผ้าเดิม
"ใน นี้มืดจังนะครับ" เด็กชายพูดขึ้น
"เออ นั่นสินะ" ชายชู้กัดฟันพูด
"ผมมีไม้เบสบอลจะขายคุณ 50ดอลล่าเอามั้ยครับ?"
"เอามาเลย"

พุธต่อมาผู้เป็นสามีลาพักร้อน
เขาชวนลูก ชาย
"นี่ลูก พ่อว่าเราไปเล่นเบสบอลกันดีมั้ย?"
เด็กชายตอบว่า
"ไม่ได้หรอกพ่อ ผมขายไม้กะลูกบอลไปแล้วในราคา100ดอลล่า

ผู้เป็นพ่อโกรธมาก
" แกนี่ทำแบบนี้ได้ยังไง แกไปหลอกขายใครเข้ามันเป็นบาปรู้มั้ย
และพระผู้ เป็นเจ้าจะไม่ยอมรับลูก ขึ้นสวรรค์ มานี่พ่อจะพาไปโบสถ์"

ที่ โบสถ์......
ผู้เป็นพ่อพาเด็กชายมาที่ห้อง สารภาพบาปซึ่งเป็นห้องที่เล็กๆและค่อนข้างมืด
"เอ้า เข้าไป แล้วบอกหลวงพ่อไปซะว่าแกทำบาปอะไรมา"
เด็กน้อยเข้าไปในห้องนั้นและประตู ก็ปิดลงทิ้งให้เด็กชายอยู่ในความมืด
เด็กน้อยรู้สึกกลัวจึงรำพึงออกมา
"ใน นี้มืดจึงเลย..."
ทันใดนั้นบาทหลวงก็ตอบกลับมาว่า

"จะเอาอะไรมา ขายอีก"

วันเสาร์ที่ 19 มิถุนายน พ.ศ. 2553

ยอดนักขาย

ชายอินเดียย้ายไปอยู่ที่อเมริกา เขาไปสมัครงานที่ห้างใหญ่แห่งหนึ่งผู้จัดการถามเขาว่า
"คุณเคยมี ประสบการณ์ด้านการขายมาบ้างไม๊?"

เขาตอบว่า
"ตอนอยู่ที่บ้านเดิม เคยเป็นพนักงานขายจ้านายจ๋า"

ผู้จัดการจึงรับเข้าทำงาน
"ยูมา เริ่มงานพรุ่งนี้เลยนะ หลังจากปิดร้านไอจะลงมาตรวจว่ายูทำอะไรไปบ้าง แต่ขอแนะนำอะไรหน่อยนะ อย่างถ้าลูกค้ามาซื้อยาสีฟัน นายก็น่าจะแนะนำให้เขาซื้อแปรงสีฟันและครีมโกนหนวดไปด้วย อะไรประมาณนี้นะ เข้าใจไม๊?"
"ชัวร์ อีนี้ ฉานเข้าใจครับ"

การทำงานวันแรกแม้จะยาก แต่แขกคนนี้ก็ผ่านมันมาได้ หลังจากปิดร้านผู้จัดการก็มาดู
"เป็นไง ได้ลูกค้ากี่รายวันนี้?"
"อีนี้ รายเดียวขอรับ"

ผู้จัดการร้อง ลั่น
"หา รายเดียวเองเหรอ? รู้ไม๊ว่า ทั่วไปเค้า ขายกันได้เฉลี่ยวันละ 20 หรือ 30 รายเชียวนะ แล้วยูขายได้เงินมาเท่าใหร่ฟะ "

ผู้จัดการ เริ่มออกอาการไม่พอใจขนาดหนัก

แขกตอบว่า
"201,237 ดอลล่าร์ครับ"

ผู้ จัดการตกใจ
"หา? 201,237 ดอลล่าร์ เหรอ? ขายอะไรให้เค้าไปน่ะ?"


"ทีแรกก็เบ็ดตกปลาขนาดเล็ก แล้วก็เบ็ดขนาดกลาง แล้วก็เบ็ดขนาดใหญ่ แล้วก็คันเบ็ดรุ่นใหม่ จากนั้นพอ ฉานถามเขาว่าจะไปตกปลาที่ไหน เขาตอบว่าจะไปที่ชายฝั่งฉานเลยเสนอว่า เขาน่าจะมีเรือสักลำ เราเลยลงไปดูที่แผนกเรือ แล้วก็ขายเรือ Chris เครื่องยนต์คู่ให้เขา แล้วเขาก็บอกว่าสงสัยรถ Honda Civicของเขาคงจะลากเรือลำนี้ไม่ไหว ฉานเลยพาเขาลงไป ที่แผนกรถยนต์ แล้วก็ขาย TOYOTA LAND CRUISER 4X4ผู้จัดการถามว่า
"หมายความว่ามีชายคน หนึ่งมาที่นี่เพื่อที่จะซื้อขอเบ็ดอันเดียว แต่นายขายเรือกับรถกระบะให้เค้าได้งั้นเหรอ?"

แขกก็ตอบว่า
"โอ้ โนๆๆๆ อีนี้เปล่าครับ เปล่า เขาแค่มาซื้อผ้าอนามัยให้เมีย แต่อีนี้ฉานเลยบอกเขาว่า ถ้างั้นไหนๆ สุดสัปดาห์นี้ ยังไงนายก็ไม่ได้ xxx กะเมียแน่ๆ ดังนั้น อีนี้ อย่าช้า ไปตกปลาดีกว่ามั้ง!!

วันพุธที่ 19 พฤษภาคม พ.ศ. 2553

20 คำโกหกของผู้หญิง จริงหรือเปล่า??

1.ชีวิตนี้ฉันจะไม่ขอรักใครอีกเมื่อไม่มีคุณ
ใครได้ยินคำนี้อย่าหลงดีใจ เพราะเค้าสามารถรักคนใหม่ได้ เมื่อต้องเลิกกันไปแล้ว เพราะเค้าทำให้คุณรักได้ คนอื่นก็รักได้

2.คุณจะเป็นผู้ชายคนเดียว ที่ฉันรักมากที่สุด
แม้เค้าจะแทงกั๊กประมาณว่าถึงจะมีกิ๊กใหม่ในอนาคต เค้าก้อไม่สามารถรักเท่าที่รักเธอ แต่อารมณ์ผู้หญิงแปรปรวนนะ บางครั้งยังไม่กล้าพูดว่ารักกันเลย ชอบเบี่ยงเบนว่าไม่รู้ แค่นี้ขนาดเจ้าตัวยังไม่รู้เลย
3.เราจะอดทนเป็นแฟนกันจนแต่งงานในอนาคต
เค้า พูดด้วยความรู้สึกแบบเด็กๆที่ยังไม่ได้ผ่านสารพัดร้อยล้าน เหตุการณ์ที่จะเกิดขึ้นในวันข้างหน้า ซึ่งอาจทำให้ความรักสะดุดเมื่อไหร่ก้อได้ เมื่อหล่อนอาจสติแตกก่อนถึงวันนั้น

4.ฉันไม่เคยยอมใครขนาดนี้มาก่อน
ถ้าเค้าเป็นคนที่นิสัยยอมคน เค้าก้อจะยอมกับผู้ชายทุกคนนั่นแหล่ะ แต่ถ้าไม่ยอมหละคุณเจ็บตัวแน่นอนต้องยอมเค้าโดยที่เธอไม่คิดปรับปรุง

5.สิ่ง ที่ฉันทำลงไป พยายามทำดีที่สุดแล้ว
ถ้าเกิดเค้าได้พยายามอย่างถึงที่สุด แล้ว ต่อให้ผู้ชายคนนั้นหูหนวกหรือตาบอดยังไงก้อต้องรู้สึกได้ แต่เธอเล่นแต่ให้ผู้ชายพยายามเต็มที่ก่อนไม่คิดทุ่มเต็มที่ เหมือนกันกลัวเสียเปรียบซะงั้น

6.ก้อฉันเป็นของฉันหยั่งงี้มานาน แล้ว
เค้าพูดเพื่อให้คุณยอมรับนิสัยห่วยแตกของเค้า โดยอ้างความเป็นตัวของตัวเอง ไม่คิดปรับปรุงเพื่อคุณ

7.ให้อภัยฉัน เถอะ ฉันจะไม่ได้ทำอีกแล้ว
ธรรมดาที่เค้าจะต้องพูดเพื่อใหการอภัยโทษ ป้องกันชะตาขาด และคุณเชื่อหรอว่าเค้าจะไม่พูดคำนี้อีกและอีกๆๆๆๆ เหมือนมีดที่พร้อมแทงข้างหลังคุณทุกเมื่อ

8.ไม่รักไม่เป็นไร ขอแค่ให้ฉันได้รักคุณก็พอ
แค่คุณแสดงให้เห็นว่ายังไงคุณก็ไม่มีวันรัก เค้าได้จริงๆ ขี้คร้านจะรีบเด้งตัวเองจากไปภายในไม่กี่วัน พร้อมด้วยคำนินทาคุณอีกก้อนใหญ่

9.คิดถึงจนทนไม่ไหวแล้ว ออกมาเจอกันหน่อยนะ
เธออาจจะถวิลหาคุณจริงๆ แต่ไม่ได้รุนแรงถึงกับจะลงแดงตาย เหมือนคุณเป็นยาเสพย์ติดของเค้าขนาดนั้น


10.ทำไม เหรอ .. ฉันเลวจนคุณไม่ไว้ใจได้เลยหรอ
เมื่อมีความไม่พอใจต่อการกระทำของ เธอในทุกกรณี เธอจะต้องรีบปกป้องตัวเอง เพื่อแตะเบรค ความคิดของคุณ ว่าทำไปเพราะรักคุณ


11. " ขอนอนกอดเฉยๆ ก็พอ "
นั้นหมายถึง การกอดในครั้งแรกที่ใกล้ชิดตัวกันมากขนาดนั้น ต่อมาคุณจะใจแข็งไหวเหรอ ...

12. " ฉันรักนะเลยอยากให้คุณเป็นของฉันคนเดียว "
เพราะถ้ารักจริงทำไมต้อง ขอเอาเปรียบเราด้วย อะไรๆ เรื่องนี้ไม่ได้หรือไง ไม่มีอิสระทำอะไรก็ระแวงเกินเหตุ

13. " เค้าคนนั้นเป็นแค่เพื่อนจริงๆ "
ไม่มีทางซะหรอกที่เมื่อมีผู้ชายมากิ๊ก แล้วเธอจะปฏิเสธเป็นแค่เพื่อน เผื่อเลือกไว้ก่อน ( แค่เพื่อนแต่เห็นโทรมาบ่อยจริง )

14. " ผู้ชายคนนั้นเค้ามาชอบฉันเอง "
ฟังแล้วน่าภูมิใจที่แม่ตัวดีมีเสน่ห์ เหลือร้าย แต่ช้าก่อนเพราะเพลงของปานนำมาใช้ได้กับคำโกหกคำนี้เสมอ " ตบมือข้างเดียวไม่ดัง " แถมไม่บอกไปหละมีแฟนแล้วโว้ยแล้ว

15. " เพื่อนมันลากฉันไป ฉันอยากไปกับมันซะที่ไหนเล่า "
ถ้าไม่อยากไปจริงๆ แม้เค้ามาฉุดยังไงก้อไม่ยอม ดังนั้นถ้าเค้าไม่ถูกเพื่อนเอาปืนจ่อหัว อย่าไปเชื่อว่า เค้าไม่อยากไปเฮกับเพื่อน ตัดสินใจเข้าข้างตัวเองซะหมด มองข้ามเราไปเลย

16. " ฉันไม่ว่างจริงๆ อยากเจอเธอจะตายไป "
คำ ว่าไม่มีเวลาว่างของเค้าก้อคือไม่อยากไปเจอเธอนั่นเอง และที่มันไม่ว่างเพราะว่าหายไปเฮกับเพื่อนๆ หรือกิจกรรมที่เร้าใจกว่าของเค้า ดีกว่าอยู่กับเรา


17. " ไม่มีทางที่ฉันจะเห็นเพื่อนสำคัญมากกว่าเธอ "
ซึ่งเป็นที่รู้ๆกันดีอยู่ ว่าคำพูดผู้หญิงจะพูดกับผู้ร่วมแก๊งขาเมาท์ว่า " เฮ้ย ฉันน่ะไม่เคยเห็นแฟนสำคัญกว่าเพื่อนอยู่แล้ว "

18. " มีอะไรเราต้องไม่ปิดบังกันทุกเรื่อง "
แม้จะรักกันปานหายใจปอดเดียวกัน แต่เชื่อเหอะว่าทุกคนย่อมมีความลับของตัวเองบ้าง และผู้หญิงไม่มีวันคายความลับของตัวเองออกมาอย่างแน่นอน ถ้าตัวเองกลัวเดือดร้อนไม่ไว้ใจคนที่รักกัน


19. " ถ้าวันไหนต้องเลิกกัน ฉันยังจะห่วงเธอเหมือนเดิม "
มันไม่มีทางจะเป็นไป ได้อยู่แล้ว อย่างน้อยที่สุดก้อไม่มีทางว่าจะห่วงใยกันได้เท่าเดิม

20. " ถ้าวันไหนที่คุณจะจากไปหรือกลับมา ฉันยังรักคุณนะ "
เห็นมีแต่ผู้ชาย ที่พูดและแคร์โดยที่ในใจเธอคิดว่า มึ ... ไปได้ก็ดีรำคาญ อยากมาหาเองนี่เจ็บกลับไปสมควร ไม่คิดยังงี้หรอก

วันเสาร์ที่ 10 เมษายน พ.ศ. 2553

ให้ 20,000

สามีภรรยากำลังเตรียมตัว จะออกไปข้างนอก

ขณะที่ภรรยาเพิ่งอาบน้ำเสร็จ และสามีกำลังโกนหนวดอยู่

ก็มีเสียงกริ่งดังขึ้น


"ออกไปดูหน่อยได้ไหม ?" สามีบอก

ภรรยาจึงสวมเสื้อคลุมอาบน้ำไปที่ประตูทั้ง ที่ผมยังเปียกอยู่

เมื่อเปิดประตูเธอก็เห็นเพื่อนบ้านข้างๆยืนอยู่


เขามองดูเธอครู่หนึ่งแล้วพูดว่า

"ผมจะให้คุณ 20,000 บาท

ถ้าคุณเปิดเสื้อคลุมนั่นให้ผมดู"


เธอหยุดคิดครุ่หนึ่งว่า 20,000
มันก็ง่ายดีนะ แถมไม่มีใครรู้ด้วย
เธอจึงเปิดเสื้อคลุมให้เขาดู
หลังจากที่เขาดูอยู่นาน เขาก็ให้เงินเธอ แล้วก็กลับบ้านไป


เธอสวมเสื้อคลุมแล้วปิดประตู
สามีได้ยินเสียงประตูจึงตะโกนถามว่า "ใครเหรอ ?"


บ้านข้างๆน่ะ" เธอตอบ

..............................
.......................
.......................
..................
............
..........




แล้วเค้าเอาเงินที่..ยืมผมไป 20,000 มาคืนด้วยหรือเปล่า..ที่รัก

วันอังคารที่ 30 มีนาคม พ.ศ. 2553

เรียกไอ้นั่นว่าอย่างไร

พิธีกร : มิส อเมริกา ไม่ทราบว่า ในประเทศของคุณ
คุณให้คำจำกัดความของ อวัยวะของผู้ชาย(นั่น) ว่า อย่างไร ?
มิสอเมริกา : ในบ้านของไอ เราเรียกมันว่า สุภาพบุรุษ
พิธีกร : ทำไมคุณถึงพูดอย่างนั้นล่ะ ?
มิสอเมริกา: เพราะ ว่ามันลุกขึ้นทุกครั้ง ที่เห็นสุภาพสตรี
(เสียงปรบมือ แปะๆ! แปะๆ!)


พิธีกร : มิส สเปน ไม่ทราบว่า ในประเทศของคุณ
คุณให้คำจำกัดความ ของอวัยวะของ ผู้ชาย(นั่น) ว่า อย่างไร ?
มิสสเปน : นั่นของผู้ชาย ในประเทศของเรา เหมือนกับ วัวกระทิง
ที่เราใช้ในการแสดง การสู้วัวกระทิง
พิธีกร : ทำไมคุณถึงพูดอย่างนั้นล่ะ?
มิสสเปน : เพราะ ว่า มันพุ่งเข้าหาทุกครั้ง ที่เห็นช่องเปิด
(เสียงปรบมือ แปะๆ! แปะๆ!)


พิธีกร :มิส ฟิลิปปินส์ ไม่ทราบว่า ในประเทศของคุณ
คุณให้คำจำกัด ความของ อวัยวะของผู้ชาย(นั่น) ว่า อย่างไร ?
มิสฟิลิปปินส์ : ฉันพูดได้เลยว่า นั่นของผู้ชายในบ้านดิฉัน
เหมือนกับข่าวซุบซิบ และ ข่าวลือ
พิธีกร : ทำไมคุณถึงพูดอย่างนั้นล่ะ?
มิสฟิลิปปินส์ : เพราะ ว่า มันผ่านจากปากนึง สู่อีกปากนึงต่อๆกัน
(เสียงปรบ มือ แปะๆ! แปะๆ! พร้อมทั้งลุกขึ้นโห่กรี๊ดลั่นต่อด้วยเสียงปรบมือยาว

พิธีกร : มิส อิหร่าน ไม่ทราบว่า ในประเทศของคุณ
คุณให้คำจำกัด ความของ อวัยวะของผู้ชาย(นั่น) ว่า อย่างไร ?
มิสอิหร่าน : โอ้ ในบ้านชั้น เราว่า นั่น
ของผู้ชายมันเหมือนกับ ขโมย
พิธีกร : ทำไมคุณถึงพูดอย่างนั้นล่ะ?
มิสอิหร่าน : เพราะว่า พวกมันชอบเข้า ทางประตูหลัง
(เสียงปรบมือ แปะๆ แปะๆ! พร้อมเสียงหัวเราะดังลั่น ยาวต่อด้วยเสียงปรบมือยาว )

พิธีกร : มิส อินเดีย ไม่ทราบว่า ในประเทศของคุณ
คุณ ให้คำจำกัดความของ อวัยวะของผู้ชาย(นั่น) ว่า อย่างไร ?
มิสอินเดีย : อืม มม ในประเทศ ของฉานๆๆ เรา ว่านั่น ของผู้ชาย
มันคล้ายกับ กรรมกร
พิธีกร : ทำไมคุณถึงพูดอย่างนั้นล่ะ?
มิสอินเดีย : เพราะว่าพวกมันต้องทำงานหนัก ทั้งกลางวันและกลางคืนน่ะสิ
(เสียงปรบมือ แปะๆ! แปะๆ! แปะๆ! แปะๆ!แปะๆ! แปะๆ!ติดต่อกันยาวนาน )


พิธีกร : มิส มาเลเซีย ไม่ทราบว่า ในประเทศของคุณ
คุณให้คำจำกัดความของ อวัยวะของผู้ชาย(นั่น) ว่า อย่างไร ?
มิสมาเลเซีย : อ้อ ในมาเลเซีย เราคิดว่านั่นของผู้ชายเหมือนรถโปรตอน
รถแห่งชาติ ของเรานี่แหละ
พิธีกร : ทำไมคุณถึงพูดอย่างนั้นล่ะ?
มิสมาเลเซีย : เพราะ ว่า แม้ว่ามันจะดูบึกบึน แต่ความจริงแล้ว มันอ่อนมากๆๆ
(เสียงปรบมือ แปะๆ! แปะๆ! พร้อมเสียงหัวเราะดังลั่น ยาวต่อด้วยเสียงปรบมือยาว )


พิธีกร : มิส สิงค์โปร์ ไม่ทราบว่า ในประเทศของคุณ
คุณให้คำจำกัด ความของ อวัยวะของผู้ชาย(นั่น) ว่า อย่างไร ?
มิสสิงค์โปร์ : ในสิงค์โปร์เราเรียกนั่นของผู้ชาย ว่าพวก Kia-Su (พวกกลัวพลาด)
พิธีกร : ทำไมคุณถึงพูดอย่างนั้นล่ะ?
มิสสิงค์โปร์ : เพราะ พวกมันชอบที่จะพรวดพราดเข้าไปอย่างรวดเร็วแล้ว
ก็รีบออกมา 15นาที ก่อนการแสดงจะจบทุกที
(เสียงปรบมือ แปะๆ! แปะๆ! แปะๆ!แปะๆ! แปะๆ!แปะๆ! แปะๆ! ติดต่อกันยาวนาน )

พิธีกร : มิสไทยแลนด์ ไม่ทราบว่า ในประเทศของคุณ
คุณให้คำจำกัดความของ อวัยวะของผู้ชาย(นั่น) ว่า อย่างไร ?
มิสไทยแลนด์ : ในประเทศของเรา เราเปรียบนั่นเหมือนกับนักการเมือง
พิธีกร : ทำไมคุณถึงพูดอย่างนั้นล่ะ ?
มิสไทยแลนด์ : อ๋อ เพราะว่า พวกมันวันๆ งานการไม่ทำ ได้แต่เดินแกว่งไป แกว่งมา
แล้วก็ ถุย!!! ไปวันๆ เท่านั้น

วันอาทิตย์ที่ 7 มีนาคม พ.ศ. 2553

อะไรจะเก่งขนาดนั้น.!!!

ชายหนุ่มคนหนึ่ง บ่นกับเพื่อนว่า"อั๊วรู้สึกเจ็บข้อศอกอย่างรุนแรง สงสัยจะต้องไปหาหมอล่ะ"

"เฮ้ยไม่ต้อง มีร้านขายยาคอมพิวเตอร์ร้านนึง มีเครื่องอัจฉริยะถูกกว่าเร็วกว่าไปหาหมอ

เยอะ ง่ายๆแค่เอาตัวอย่างปัสสาวะใส่ไปในเครื่องคอมพิวเตอร์จะวินิจฉัยและให้คำแนะนำ

ออกมาเสร็จ แค่ร้อยเดียว" เพื่อนรักบอก

ชายหนุ่มคิดในใจว่าลองดูก้อไม่เสียหายอะไรว่าแล้วก็ฉี่ใส่กระป๋องแล้วตรงไปร้านขายยา

ที่ว่าพอเจอเครื่องก็จัดการ เทปัสสาวะเข้าเครื่อง หยอดเหรียญ กดปุ่มซักครู่

เครื่องเริ่มส่งเสียงทำงาน ไฟกระพริบแล้วพิมพ์กระดาษรายงานผลออกมา

" คุณเป็นโรคเอ็นข้อศอกอักเสบ ให้เอาข้อศอกแช่น้ำอุ่นบ่อยๆ หลีกเลี่ยงการทำงานหนัก

จะดีขึ้นภายในสองสัปดาห์"

เย็นวันนั้น ขณะที่นั่งคิดทึ่งในความก้าวหน้า ของเทคโนโลยีปัจจุบันเค้านึกสงสัยว่า

คอมพิวเตอร์ จะตอบมั่วๆไปเรื่อยหรือป่าวคิดได้ดังนั้น เค้าจัดการทดสอบทันที

โดยการเอาน้ำก๊อกที่บ้านผสม กับอุจจาระของหมาที่เลี้ยงไว้และปัสสาวะของภรรยาและลูกสาว

ปิดท้ายด้วยการช่วยตัวเองเอาน้ำอสุจิเติมลงไป จัดการเขย่าให้เข้ากันแล้วตรงกลับไปที่ร้านเก่า

หลังจากหยอดเหรียญเครื่องก็ทำงานและพิมพ์รายงานออกมา

"น้ำก๊อกบ้านนายกระด้างเกินไป ควรติดตั้งเครื่องกรองน้ำกระด้าง"

"หมานาย มีพยาธิ ควร ให้มันกินยา ฆ่าพยาธิ"

"ลูกสาวนาย ติดยา ควร พาเธอเข้ารับการฟื้นฟูบำบัด"

"เมียนายตั้ง ครรภ์6 สัปดาห์ แต่ไม่ใช่ลูกนาย ควรจะปรึกษาทนายความ"

"และสุดท้าย ถ้านายยังไม่เลิกช่วยตัวเองด้วยมือบ่อยๆ เอ็นข้อศอกของนายไม่มีวันหายแน่"

วันพุธที่ 3 มีนาคม พ.ศ. 2553

มุขเสี่ยวๆ

-นอกจากรักเธอแล้ว ฉันก็ไม่เก่งอะไรอีกเลย
-โชคดีนะที่กระจกพูดไม่ได้ ไม่อย่างนั้นเธอต้องมีปมด้อยแน่ๆ
-ดวงดาวยังค้างฟ้าเหมือนเธอที่ยังค้างอยู่บนคาน อิอิ
-เรียนไม่เก่ง หน้าตาไม่ดี คนมาจีบไม่มี หาแฟนไม่ได้ ก็แกนั่นแหละ
-อ่านทำไม ...ไม่รักแล้ว อ่านทำไม อีโธ่ ไม่แน่จริงนี่หว่า
-รักมากรู้ไหม รักใครคนนึง รักคนที่ซึ่งมองยังไง ก็ไม่ใช่เธอ
-ตกใจมั้ย ถ้าบอกรัก ไม่รู้เผลอตอนไหน แต่รักหมดใจ ขออภัยส่งผิด
-รักแรกคือเราสอง รักสำรองเจอน้ำกรด รักทรยศต้อง1.38
-anacondaรัด twisterพัดแตกสลาย men in black ยิงตาย ไม่วายรักเธอ
-ส่งรักไปกับตุ๊กๆ ส่งความสุขไปกับ บขส. ตัวฉันไป ปอ.พ. รถติดรอนิดนะ
-โทรศัพท์มือถือยิ่งโทรยิ่งกินเงิน แต่โทรหาคุณยิ่งโทรยิ่งกินใจ
-เดี๋ยวผมกลับมานะครับ จะไปซื้อตะกร้า เอามาเก็บหัวใจไว้ให้คุณ
-คุณรู้ไหมผมก็เป็นคนนะ ... คนที่รักเธอ
-มีใจแค่ 1 ดวง ครึ่งแรกบอกว่าคิดถึง อีกครึ่งนึงบอกว่ารักเธอ
-ที่หายหน้าไปไม่ใช่ไม่รัก แต่หมอให้พัก ลดน้ำตาลในหัวใจจ้ะ
-ฉันเกิดมาอาภัพ ต้องอยู่แบบหลบๆซ่อนๆ ก็ซ่อนในหัวใจเธอไง
-หัวใจไม่ว่างเหมือนเดิม เพราะมีเธอมาเพิ่มเติมในใจ
-อยากรู้ไหม ฉันรักใคร ส่องกระจกสิจะได้คำตอบ
-ฉันเป็นคนมารยาทดี เลยmsgมาขออนุญาตรักเธอ
-ทหารรบเพื่อชาติ ปราชญ์เรียนเพื่อรู้ ฉันทำเพื่อเธอ ไม่รู้ทำไม
-ไม่ใกล้ไฟ รู้ได้ไงไฟอุ่น ไม่รักคุณ รู้ได้ไงว่ามีคุณแล้วอุ่นใจ
-การได้พบคุณทำให้ผมกลัวตกนรก เพราะคุณทำให้ผมรู้ว่าสวรรค์มีจริง
-รู้มั้ยที่ผ่านมาเราไม่เคยเห็นเธอในสายตา เพราะเธออยู่ในหัวใลยอ่ะ-รู้ป่ะเธอเป็นคนโลภมาก - ตรงไหนเนี่ย - ก็เธอเอาหัวใจเราไป4ห้องเลยนี่
-เธอหนาวป่าว - หนาวสิ เธอไม่หนาวเหรอ - ไม่อ่ะ แค่มาใกล้เธอเราก็อุ่นใจ
-รู้มะ...ทำไมกาแฟถึงขม...มันรอความรักเราสองคนมาเติมความหวานให้ไง
-หน้าคุณเปลี่ยนไปเรื่อยๆเหรอไง...ทำไมมองยังไงก็ไม่เบื่อ
-ยกเท้าขึ้นหน่อย เธอเหยียบของๆเราอ่ะ ... เหยียบหัวใจเรา
-ยืมไฟฉายหน่อยจิ จะเอาไปส่องหน้า เราจะได้ไม่หน้ามืดหลงรักเธอมากกว่านี้

วันอังคารที่ 2 มีนาคม พ.ศ. 2553

กลอนตลกเรื่องผีสามตัว

ผีสามตัว นั่งคุยกัน อยู่ข้างวัด
เงียบสงัด วังเวง น่าเกรงขาม
นั่งปรับทุก ถามสุกดิบ ตอนสามยาม
ตัวแรกถาม ตัวที่สอง บอกข้าที
...ว่าทำไม เจ้าใย ถึงตายเล่า
เรื่องมันเศร้า ข้าโดนยิง ตอนหลบหนี
แล้วถามกลับ เจ้าทำไม สิ้นชีวี
ตัวข้านี้ โดนแทง ตอนตีกัน
...ผีทั้งสอง หันไปมอง ตัวที่สาม
แล้วก็ถาม ว่าทำไม ถึงตัวสั่น
ทั้งร้องไห้ เหงื่อท่วมหน้า ทำไมกัน
พวกเรานั้น ฉันเข้าใจ ให้บอกมา
...ตัวที่สาม อ้ำอึ้ง อยู่ซักครู่
ก็ไม่รู้ ว่าจะพูด ดีไหมหนา
ตัดสินใจ สุดกล้ำกลืน ฝืนอุรา
อันตัวข้า....มานั่งขี้....ยังไม่ตาย.....

วันจันทร์ที่ 1 มีนาคม พ.ศ. 2553

พนักงานใหม่

บริษัทแห่งหนึ่งกำลังต้องการพนักงานใหม่ จึงติดป้ายไว้ที่กระจกหน้าร้านว่า
"ต้องการพนักงานด่วน คุณสมบัติ ต้องสามารถพิมพ์ดีด
ใช้คอมพิวเตอร์ และสามารถพูดได้หลายภาษา"

สักครู่ มีสุนัขตัวหนึ่งเดินผ่านมา หยุดอยู่ที่ป้ายสักครู่จึงมายืนเห่าอยู่หน้าประตูสำนักงาน
เมื่อเลขาเปิดประตู เจ้าสุนัขรีบกระโจนเข้าไปในสำนักงานพลางเห่าไปที่ป้ายนั้น
ผู้จัดการฝ่ายบุคคลออกมาพอดี เจ้าสุนัขเห็นจึงรีบกระโดดขึ้นบนเก้าอี้
ผู้จัดการเห็นจึงพูดอย่างติดตลกว่า
"เจ้าจะมาสมัครงานเหรอ ฮ่าๆๆ พิมพ์ดีดได้ไหมล่ะ"
สุนัขได้ยินดังนั้นก็กระโดดไปที่เก้าอี้หน้าเครื่องพิมพ์ดีด
แล้วลงมือพิมพ์ จนเสร็จจึงคาบไปให้ผู้จัดการ ฝ่ายผู้จัดการตะลึงกับความสามารถของมัน
แต่ก็ยังปฏิเสธ
"เจ้าพิมพ์ได้ถูกต้องตามแบบฟอร์มเลยนะ ดีมาก
แต่ว่า เราต้องการคนที่ใช้คอมพิวเตอร์เป็นด้วยนะ"
สุนัขรีบกระโดดไปนั่งหน้าคอมพิวเตอร์ เริ่มบูตเครื่องและเปิดโปรแกรมใช้งานให้ผู้จัดการดูอย่างคล่องแคล่ว
ถึงตอนนี้ผู้จัดการก็ยังไม่ค่อยอยากรับ..จึงพูดกับสุนัขว่า "เออ แกเป็นหมาที่เก่งมาก แต่ที่เราต้องการจริงๆ คือคนที่พูดได้หลายๆ ภาษาต่างหาก"
สุนัขมองหน้าผู้จัดการสักครู่..แล้วร้อง"เหมียว"

วันอาทิตย์ที่ 28 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2553

กฎต้องเป็นกฎ

เจ้า โจรนักปล้นที่ขึ้นชื่อ เรื่องความโหด เมื่อใดที่มันเข้าปล้นเป็นต้องมีการข่มขืนเหยื่อไปทุกครั้ง และมันก็ยึดมั่นในกฎนี้ตลอดมา วันหนึ่งเจ้าโจรเหิมเกริมถึงขนาดเข้ามาปล้นในพระราชวัง เพราะตั้งใจว่าจะเข้าปล้นในห้องเจ้าหญิง

“หยุดนะ นี่คือการปล้น” เจ้าโจรร้องตวาดเสียงดัง
แต่บังเอิญเหลือเกินที่ขณะนั้นเจ้าหญิงไม่อยู่ห้อง มีเพียงแม่นมพรหมจรรย์วัย 80 เท่านั้นที่นอนเฝ้าห้องบรรทมอยู่ มันตกใจมาก จึงรีบกวาดข้าวของมีค่าใส่ถุง เป็นจังหวะเดียวกับที่เจ้าหญิงเดินเข้าห้องมาเห็นเหตุการณ์เข้าพอดี

“เจ้าเข้ามาทำอะไรในห้องข้า?” เจ้าหญิงถาม
“มัน คือโจรจอมโหดเพคะ” แม่นมวัย 80 ตอบเสียงสั่น “แถมมันยังขึ้นชื่อเรื่องยึดมั่นในกฏเป็นอย่างมาก ปล้นที่ไหนต้องข่มขืนเหยื่อที่นั่น และตอนนี้หม่อมฉันก็กลายเป็นเหยื่อของมันแล้วเพคะ” แม่นมว่าพลางร้องไห้โฮ
เจ้าหญิงนึกสงสารแม่นมมากที่จะต้องโดนข่มขืน จึงพยายามขอร้องเจ้าโจรโหด

“เจ้าโจร เจ้าอย่าข่มขืนแม่นมเลยนะ แกแก่มากแล้ว สงสารแก” เจ้าหญิงว่า
แต่ก่อนที่เจ้าโจรจะตอบออกมา แม่นมก็พูดขึ้นมาเสียงดัง
"ไม่ได้หรอกเพคะ กฎต้องเป็นกฎ!"

วันพฤหัสบดีที่ 25 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2553

ถอดให้หนูหน่อย

น้องจอยเป็นเด็กเรียบร้อยจากต่างจังหวัดเข้ามาอยู่กับน้าชายเพื่อมาเรียนหนังสือ
ทุกคนคิดว่าทั้งคู่เป็นน้าหลานกันธรรมดาจนกระทั่งวันหนึ่ง

น้องจอยพูดด้วยอารมณ์ฉุนเฉียวว่า
"น้าชายถอดเสื้อของจอยได้มั้ย"

น้าชายก็ถอดเสื้อของจอยออกอย่างว่าง่าย
"น้าถอดกางเกงจอยด้วย"

น้าชายรีบถอดกางเกงหลานสาวโดยทันที
น้องจอยพูดด้วยอาการอายต่อไปว่า

"ยกทรงหนูด้วย"

น้าชายปลดตะขอยกทรงน้องจอยออก

จากนั้น..น้องจอยก็พูดด้วยอาการหน้าแดงว่า
"กางเกงในหนูก็ถอดด้วยสิ"

น้าชายถอดเสื้อผ้าของน้องจอยออกหมดจากนั้นน้องจอยก็พูดว่า

"
"
"
"
"
"
"
"
"
"
"
"
"
"
"
"
"
"
"
"
คราวหน้าน้าอย่ามาเอาเสื้อผ้าของจอยไปใส่อีกนะ

วันพุธที่ 24 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2553

ลูกชายกะคุณพ่อ

ลูกชาย 'ป่าป๊าถ้ามีตังตกอยู่ 5 บาท กับ 10 บาท ป่าป๊าจะเก็บเหรียญไหน'
คุณพ่อ 'ก็เก็บ 10 บาทซิ'
ลูกชาย 'ป่าป๊าโง่จัง ทำไมถึงไม่เก็บทั้ง 2 เหรียญล่ะ'

ลูกชาย 'ป่าป๊า เมื่อ 3 เดือนก่อน มีคนมาทวงหนี้
ป่าป๊าบอกไม่มีตังค์ เดือนก่อนป่าป๊าก็บอกไม่มีอีก เพราะอะไรครับ'
คุณพ่อ 'คนเราพูดคำไหนก็ต้องเป็นคำนั้นนะลูก'

ลูกชาย'ป่าป๊า ทำไมบ้านคนอื่นเขาใหญ่ แต่ทำไมบ้านเราถึงเล็ก'
คุณพ่อ 'เพราะป่าป๊าไม่ค่อยมีตังค์'
ลูกชาย 'แล้วทำยังไง เราถึงจะมีบ้านใหญ่ๆ ล่ะครับ'
คุณพ่อ 'หนูก็ต้องตั้งใจเรียนหนังสือ พอโตขึ้นก็ทำงานได้เงินเยอะๆ ซื้อบ้านหลังใหญ่ๆ'
ลูกชาย 'แล้วทำไมตอนเด็กๆ ป่าป๊าถึงไม่ตั้งใจเรียนหนังสือ'
คุณพ่อ - -''

วันจันทร์ที่ 22 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2553

ความภูมิใจของชายวัย 80

ชายวัย 80 คนหนึ่งมาหาหมอเพื่อตรวจร่างกายประจำปี
“เป็นไงครับ สบายดีมั้ย” หมอถาม
“ฟิตปั๋งเลยแหละครับ” ชายแก่คุย
“ผมเพิ่งแต่งงานใหม่กับเจ้าสาวเอ๊าะๆ อายุแค่ 18 แถมตอนนี้เธอก็ตั้งท้องลูกของผมแล้วด้วย”
ชายแก่อวดอย่างภูมิใจ

หมออึ้งไปพักใหญ่แล้วพูด “ผมมีเรื่องๆ นึงจะเล่าให้ฟัง ผมรู้จักผู้ชายคนนึง
เขาชอบเข้าป่าล่าสัตว์มาก อยู่มาวันนึง เขารีบไปหน่อย
แทนที่จะหยิบปืนดันคว้าผิดเอาร่มไปแทน พอเข้าไปในป่า
อยู่ๆ มีหมีตัวนึงโผล่ออกมาตรงหน้าเขา
เขาตกใจหยิบร่มขึ้นมาแล้วกดไกทีนี้ลองทายดูซิว่าเกิดอะไรขึ้น” หมอถาม

“ไม่รู้สิ” ชายแก่เดาไม่ถูก
หมอตอบ “หมีโดนกระสุนล้มลงตาย!”
“เป็นไปได้ไง!!” ชายแก่ไม่เห็นด้วย “คนอื่นยิงล่ะม้าง”
“ผมก็ว่างั้นแหละ ! ! ! “ หมอตอบ

วันอาทิตย์ที่ 21 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2553

ฉันมีแต่คุณไม่มี

สามีภรรยาคู่หนึ่งที่อยู่ด้วยกันมานานกว่า 20 ปี


กำลังนั่งรถไปงานเลี้ยงด้วยกัน

โดยภรรยาเป็นคนขับด้วยความเร็ว 60 กิโลเมตรต่อชั่วโมง

แล้วจู่ๆ สามีก็เอ่ยน้ำเสียงอย่างเย็นชาว่า

" เราแต่งงานกันมายี่สิบปีแล้ว ที่ผ่านมาคุณดีกับผมก็จริง

แต่ตอนนี้ผมพบคู่ชีวิตคนใหม่แล้ว เธอคือเลขาฯ คนสวยของผมเอง"


ภรรยาขับเร็วขึ้นเป็น 80 กิโลเมตรต่อชั่วโมง

สามีพูดต่อว่า

"ผมต้องการหย่ากับคุณโดยเร็วที่สุด

ตลอดชีวิตการแต่งงานผมทำงานหาเลี้ยงครอบครัว

ส่วนคุณทำแต่งานบ้านเท่านั้น

ดังนั้นหุ้นบริษัทกับบ้านหลังใหญ่ควรเป็นกรรมสิทธ์ของผม"


ภรรยาขับเร็วขึ้นเป็น 100 กิโลเมตรต่อชั่งโมง

"ส่วนเงินในธนาคารห้าสิบล้าน ผมจะเจียดให้คุณไปทำทุนสักห้าแสน

นอกจากนี้คุณยังอยากได้อะไรอีกไหม"


"ไม่ต้องหรอกค่ะ สิ่งที่ฉันอยากได้ที่สุดฉันมีแล้ว แต่คุณไม่มี"
ภรรยาตอบเสียงเย็นชาเช่นกัน

พลางกดคันเร่งเร็วขึ้นเป็น 120 กิโลเมตรต่อชั่วโมง
"อะไรล่ะที่คุณมีแต่ผมไม่มีน่ะ"


"ถุงลมนิรภัย"

วันพฤหัสบดีที่ 18 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2553

10 เมนูอาหารสิ้นคิด

อันดับ 10 ผัดไทย

ร้านอาหารตามสั่งหลายๆ ร้าน คุณแม่ครัวเธอก็มีวิชาทำอาหารเป็นเลิศ
สั่งมาเถอะค่ะ...เจ๊ทำได้หมด อยากกินผัดไทยเจ๊ก็ทำได้
(แต่จะกินได้เปล่าก็อีกเรื่องหนึ่ง) หนุ่มสาวชาวเมืองหลายๆ
คนก็จึงนิยมสั่งผัดไทยมากิน
แม้จะรู้ว่ารสชาติอาจจะสู้ไปกินตามร้านที่ขายผัดไทยโดยเฉพาะไม่ได้ก็ตาม
แต่พวกเขาก็ให้เหตุผลว่า อยากลองสั่งมากินดูบ้างเพราะเบื่อเมนูอาหารแบบเดิมๆ
ที่ต้องกินทุกวัน

อันดับ 9 ราดหน้า-ผัดซีอิ๊ว

ก็บอกแล้วว่าร้านอาหารตามสั่งน่ะ เจ๊ทำได้หมด
ฉะนั้นก็ไม่ต้องแปลกใจที่เจ๊แกก็สามารถทำก๋วยเตี๋ยวราดหน้าหรือผัดซีอิ๊วให้กินได้
เมนูนี่ก็เป็นอีกทางเลือกหนึ่งของคนที่เบื่อข้าวแล้วอยากเปลี่ยนรสชาติมากินก๋วยเตี๋ยวบ้าง
แต่ก็ไม่ค่อยจะนิยมสั่งกันนัก เพราะถึงแม้ว่าเจ๊แกจะทำได้
แต่เรื่องของความอร่อยก็คงต้องบอกเจ๊แกว่า “พอแหลกล่าย”

อันดับ 8 สุกี้

อีกหนึ่งเมนูอาหารของคนเบื่อข้าว การสั่งสุกี้มากินก็ไม่เลวเหมือนกัน
แต่ช้าก่อน “สุกี้” ในที่นี้ กรุณาอย่าวาดภาพเลิศหรูอลังการประหนึ่ง
”สุกี้เอ็มเค” แต่มันเป็นเพียงสุกี้ที่เอาวุ้นเส้นมาต้มในน้ำซุป แล้วใส่ใข่
ใส่ผัก ใส่เนื้อ ใส่หมู กุ้ง หอย ปู ปลา อะไรก็ว่าไป รสชาติก็พอทานได้
แต่จะอร่อยมากอร่อยน้อยตรงนี้อยู่ที่น้ำจิ้มสุกี้ต้องแซ่บ ราดโครมลง
ไปในชามสุกี้เลย ถ้าถ้วยเดียวไม่แซ่บพอก็ขอเพิ่ม
แต่บางคนอาจจะชอบแบบสุกี้แห้งก็มีเหมือนกัน อันนี้ก็แล้วแต่สะดวกล่ะนะ

อันดับ 7 ผัดพริกสดราดข้าว

เมนูนี้บางร้านก็ใช้พริกชี้ฟ้าเม็ดใหญ่มาซอย บางร้านก็เป็นพริกหยวก
แต่ไม่ว่าจะยังไงทั้งสองอย่างต้องเป็นพริกสดๆ ไม่ใช่พริกแห้ง
ไม่งั้นผิดคอนเซปต์ จากนั้นก็เอาพริกสดมาผัดรวมกับหอมใหญ่ซอย และต้นหอม
ใส่เนื้อ หมู ไก่ หรือกุ้ง ตามใจชอบ เป็นอีกเมนูที่หลายๆ คนชอบสั่ง

อันดับ 6 ถั่วฝักยาวผัดพริกแกงราดข้าว

เมนูสิ้นคิดอีกอันที่เป็นที่นิยมอย่างสูง ส่วนใหญ่จะเป็นพวกที่ชอบกินอะไรเผ็ดๆ
เป็นประจำอยู่แล้ว กินไปซู้ดปากไป แต่ก็มีหลายๆ คนที่ไม่
ชอบกินเผ็ดมากนักจึงเลี่ยงที่จะสั่งมารับประทาน
เมนูนี้จึงได้รับความนิยมอยู่ในอันดับกลางๆ

อันดับ 5 ผัดผักราดข้าว

เมนูนี้มีตั้งแต่คะน้าหมูกรอบ กระเฉดหมูกรอบ ผักบุ้งหมูกรอบ
บางคนไม่กินหมูก็อาจจะเปลี่ยนเป็นไก่ได้ ผัดผักราดข้าว
เป็นเมนูที่ได้รับความนิยมในระดับต้นๆ เช่นกัน ค่าที่ว่ากินง่าย ถูกปาก
ได้สารอาหารครบถ้วนทั้งเนื้อ ทั้งผัก ทั้งข้าว

อันดับ 4 ข้าวหมูทอดกระเทียมพริกไทย

อันนี้เป็นเมนูสิ้นคิดที่สาวๆ มักชอบสั่ง
คิดว่าคงเป็นเพราะความอร่อยของเนื้อหมูที่เอามาทอดในซอสน้ำมันหอยคลุกกับพริกไทย
เสร็จแล้วเอามาโปะกับข้าวสวยร้อนๆ กินกับแตงกวา
ถ้าอยากเพิ่มความพิเศษให้กับเมนูอาจจะสั่งไข่ดาวมาเพิ่มได้
ถ้ากินกลางวันก็อิ่มไปถึงเย็นเลย

อันดับ 3 ข้าวไข่เจียว


สิ้นคิดเข้าไปเรื่อยๆ กับเมนูนี้ นึกอะไรไม่ออกก็เอาล่ะ
ข้าวไข่เจียวก็ได้ง่ายสุด ความเสี่ยงต่ำและประกันความไม่อร่อย
เพราะถ้าร้านอาหารตามสั่งร้านไหนทำไข่เจียวไม่อร่อยก็ไม่รู้จะพูดยังไงแล้ว
อย่างอื่นก็อย่าไปกินมันเลย เป็นเมนูเพลย์เซฟอย่างดีสำหรับคนเมือง
แต่ก็สิ้นคิดจริงๆ

อันดับ 2 ข้าวผัด

ใครสั่งข้าวไข่เจียวว่าสิ้นคิดแล้วแต่คนสั่งข้าวผัดกับสิ้นคิดกว่า
เพราะมันเป็นอาหารสุดยอดแห่งความไม่ครีเอทเอาเสียเลย เอาข้าวมาผัดแล้วใส่ใข่
ใส่เนื้อสัตว์อะไรก็ว่าไปใส่ผักเขียวๆ ลงไปหน่อย
ผัดไปผัดมาสองสามทีก็เสร็จแล้ว แต่บางคนอาจจะชอบข้าวผัดเป็นชีวิตจิตใจ
ถ้าไปเจอร้านที่ผัดข้าวผัดได้อร่อยเหาะจริงๆ
ข้าวผัดที่อร่อยต้องเป็นข้าวที่ผัดออกมาแล้วไม่แฉะ เม็ดข้าวขาวนวล ผัดร้อนๆ
ยกเสิร์ฟบีบมะนาวใส่ แล้วราดด้วยพริกน้ำปลา...จบ

เอาล่ะทีนี้ก็มาถึงสุดยอดอาหารสิ้นคิดที่สุดครองแชมป์อันดับหนึ่งทั่วประเทศ
นั่นก็คือ

อันดับ 1 ข้าวกระเพราไก่+ไข่ดาว

งานนี้ได้อันดับหนึ่งมาอย่างเอกฉันท์ด้วยคะแนนเสียงท่วมท้นสมกับเป็นเมนูอาหารสิ้นคิดจริงๆ
แล้วทำไมต้องเป็นกระเพราไก่ไข่ดาว???
อันนี้คาดว่าเป็นอาหารที่ถูกปากคนไทยที่สุด ด้วยที่ว่ารสชาติออกแนว Hot & Spicy
ถือเป็นเมนูพื้นฐานที่ทุกร้านอาหารตามสั่งต้องมี
และแม่ครัวจะฝีมือชั่วแค่ไหนก็ต้องทำได้อร่อย
ส่วนใหญ่จะนิยมสั่งกระเพราไก่และบ่อยครั้งที่คนสั่งมักจะ ควบไข่ดาวเป็น
”กระเพราไก่ไข่ดาว” นัยว่าเป็นคำคล้องจองกันดี เช่น ”ป้าๆ กระเพราไก่ไข่ดาว
จานนึง” อะไรประมาณนี้

วันพุธที่ 10 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2553

18 ความจริงที่เจ็บใจ

"เราต่างกันเกินไป" (แล้วเธอมาจากดาวไหนกันล่ะ?)

"เราไปด้วยกันไม่ได้หรอก" (จะไปไหนเหรอ?)

'ยังมีคนอื่นที่ดีกว่าฉันนะ" (แน่น๊อนนน!)

"เธอไม่ใช่" (ไม่ใช่อารายเหรอ?)

"เธอไม่ใช่คนนั้น" (อืมมม์ แล้วคนไหนอ่ะ)

"หมอดูทำนายว่าปีนี้ฉันจะเจอเนื้อคู่" (แต่ฉันทำนายว่าปีนี้หมอดูจะดวงซวย)

"ขอบคุณสำหรับทุกสิ่งทุกอย่างนะ" (ดีไม่เปลือง )

"ฉันอยากมีพี่ชาย" (ผมไม่อยากได้น้องสาวนี่)

"ฉันชอบเธอแบบพี่ชายมากกว่า"(งั้นผมคงเป็นพี่ชายคนที่ 8 ของเธอ)

"มันสายไปแล้วหล่ะ" (จริงๆ น่าจะจบกันตั้งนานแล้วนะ ฮ่าๆ)

"เราจบกันแค่นี้นะ" (อ้าว แล้วจะให้จบแค่ไหนอ่ะ )

"เธอเป็นคนดีเกินไป" (ชอบคนเลว ใช่ม่ะ ด๊ายย)

"เธอก็น่าจะรู้" (ฉันไม่ได้มีพลังจิตอ่านใจคนได้นี่)

"เธอไม่เข้าใจฉัน" (แล้วจะให้เข้าไปทางไหนล่ะ...)

"เราเป็นแค่เพื่อนกันดีกว่านะ" (เพื่อนมีเยอะแล้ว...เพื่อนมีแยะแล้ว ...)

"เธอตัดใจซะเถอะ" (ตัดก้อตายเด่ะ)

"เราเหมือนเส้นขนานกันนะ"(เส้นขนานอย่างน้อยยังไปด้วยกันได้...)

"คิดถึงความเป็นจริงบ้างสิ" (แล้วนี่ฉันฝันอยู่หรืองัย)

วันจันทร์ที่ 1 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2553

คำเตือนฮาๆ

1. ข้างกล่องยาจุดกันยุงแบบขดยี่ห้อนึงเขียนไว้ว่า

“วัตถุมีพิษ ห้ามรับประทาน” ….ผ่างงงงงงง !!!
(ใครอยากฆ่าตัวตายด้วยการกินยากันยุงแบบขด ก็ตามใจเถอะ)

2. บนถุงขนมขบเคี้ยวยี่ห้อนึง
“คุณมีสิทธิ์ได้รับรางวัลโดยไม่จำเป็นต้องซื้อ โปรดอ่านรายละเอียดในซอง”
(อ้าว......ยังไงก้อต้องซื้อ)

3. แปะอยู่บนสบู่ยี่ห้อดัง

“วิธีใช้ : เหมือนสบู่ทั่วไป”
(ขอบใจนะ)

4. บนกล่องอาหารแช่แข็ง

“โปรดอุ่นก่อนรับประทาน” …
(ถ้าคนเปิดจะกินเอบแข็งๆ ก็ช่างเถอะ)

5. บนที่เป่าผมยี่ห้อนึงเขียนว่า
“ห้ามใช้ขณะหลับ” ..
(จะบ้าตาย)



6. พิมพ์อยู่ด้านใต้ของกล่องเค้กที่ขายในห้างดัง
“คำเตือน : ห้ามคว่ำกล่อง”

7. บนกล่องซาลาเปาในร้านสะดวกซื้อ

“คำเตือน : อาหารจะร้อนเมื่อนำเข้าไมโครเวฟ”
(มันคงเย็นหรอกน๊ะ)

8. บนกล่องเตารีด

“ห้ามใช้รีดผ้าขณะที่สวมใส่” ... - -'

9. บนกล่องยาแก้หวัดเด็ก

“ห้ามขับรถ หรือคุมเครื่องจักรขณะรับประทานยานี้ ...

10. บนกล่องยานอนหลับ

“คำเตือน : อาจทำให้ง่วงเมื่อใช้ยานี้”
(ทำไมต้องบอกกกกกก...ที่กินก็เพราะอยากง่วงงงงง)

11. บนกล่องไฟประดับฉลองปีใหม่

“ใช้สำหรับภายในหรือภายนอกอาคาร”
(ไม่บอกไม่รู้น๊ะเนี่ย ')

12. บนกล่องถั่วกระป๋องยี่ห้อดัง
“วิธีใช้ : เปิดกระป๋องแล้วรับประทานถั่ว”
(ขอบคุณที่บอก)

วันศุกร์ที่ 29 มกราคม พ.ศ. 2553

ตลกฝรั่งสั้นๆ

โจกำลังทนทุกข์ทรมานเพราะปวดศีรษะอย่างรุนแรง

หมอบอกว่าเขาสามารถหายปวดศีรษะได้แต่ต้องตัดอัณฑะทิ้ง

"คุณมีอาการที่พบไม่บ่อยนักฃึ่งส่งผลให้ความกดดันก่อตัวตรงกระดูกสันหลังของคุณ"

หมออธิบาย "สภาวะเช่นนี้ทำให้เกิดการปวดศีรษะ การรักษามีวิธีเดียวคือผ่าตัด "

โจช็อก แต่ก็ยอมผ่าตัด

เมื่อออกจากโรงพยาบาล โจรู้สึกห่อเหี่ยว

เขาจึงแวะที่ร้านขายเครื่องแต่งกายสุภาพบุรุษเพื่อฃื้อเสื้อผ้าชุดใหม่

คนขายมองดูเขาแล้วพูดว่า "ยาว 44 นิ้วใช่ไหมครับ"

"ถูกต้อง" โจตอบ เขาลองกางเกงฃึ่งพอดีตัว

"เสื้อเชิตใหม่สักตัวไหมครับ" คนขายถาม "ผมว่าแขนยาว 34 นิ้ว และรอบคอ16นิ้วครึ่งคงพอดีกับคุณ"

"ถูกอีก" โจตอบ "คุณนี่มหัศจรรย์จริงๆ"

"ถ้ายังงั้น ก็ต้องกางเกงในตัวใหม่ด้วยสิครับ" คนขายแนะ เขามองดูเอวของโจแล้วพูดว่า "ขนาด36"

"ไม่ใช่ ในที่สุดคุณก็พลาดไปอย่างหนึ่ง" โจพูดพลางหัวเราะหึๆ "ผมใส่ขนาด34ครับ"

"คุณไม่ควรใส่ขนาดนั้น"คนขายตอบ "ชุดชั้นในที่รัดตึงจะทำให้เกิดความกดดันอย่างมากที่กระดูกสันหลัง
ของคุณ และทำให้เกิดการปวดศีรษะอย่างรุนแรง"

--------------------------------------------

หมอเข้าไปในห้องคนไข้ แล้วบอกให้สามีของคนไข้ออกไปรอข้างนอกขณะตรวจคนไข้

สองสามนาทีต่อมา หมอออกมาจากห้องและขอให้ผู้ช่วยพยาบาลหาปากคีบให้คู่หนึ่ง

เมื่อได้ปากคีบแล้ว หมอก็กลับเข้าไปในห้องคนไข้ ห้านาทีต่อมา หมอออกมาอีก

คราวนี้ขอไขควง พอหมออกมาเป็นครั้งที่สามและถามหาค้อน

สามีคนไข้ฃึ่งร้อนใจจนทนไม่ไหวก็ปรี่เข้าไปถามว่ามีอะไรผิดปกติกับภรรยาเขา

"ยังไม่รู้เลยครับ"หมอตอบ "หมอยังเปิดกระเป๋าเครื่องมือไม่ออกเลย"

.........................................................

ชายหนุ่มอ่านหนังสือพิมพ์ พบเรื่องของนักแสดงสาวสวยแต่งงานกับนักกีฬาที่มีชื่อเสียงโด่งดังแต่ไอคิวต่ำ

เหลือหลาย เขาจึงหันไปพูดกับภรรยาว่า

"ทำไมผู้ชายโง่ๆถึงได้เมียสวยนะ"

"จะเพราะอะไรก็ช่างเถอะ แต่ขอบคุณนะที่ชม" ภรรยากล่าว


วันพุธที่ 27 มกราคม พ.ศ. 2553

49 ข้อแปลกๆ บนเว็บบอร์ด

1. คนรู้เรื่องของคนที่เขาเกลียดดีกว่าคนที่รัก

2. คนชอบถามหาหลักฐาน แต่เวลาตัวเองอ้างมั่งไม่ค่อยจะมีหลักฐาน

3. เขียนยาวไปคนไม่อ่าน

4. เขียนสำนวนเคร่งขรึมคนก็ไม่อ่าน

5. ชาวเว็บไม่ชอบเรื่องซีเรียส ถึงเป็นเรื่องเครียดก็ต้องเขียนให้ฮา

6. ยอดคนคอมเมนต์แสดงความคิดเห็น เป็นเหมือนยอดภูเขาน้ำแข็ง

7. มีคนคอยตามอ่านเงียบๆมากมายที่ไม่โผล่ตัวออกมา

8. บางทีเรื่องที่เถียงกันไม่มีสาระอะไร แต่เถียงกันไปเพราะแค่อยากเอาชนะ

9. ปิดจอคอมไปนอนก่อนซะอาจจะดีกว่านั่งเถียงแบบอินเตอร์แอ็คทีฟ

10. เกรียนปากดีตามเว็บบอร์ด พอเจอตัวจริงมักเจี๋ยมเจี้ยม

11. แต่คนอัธยาศัยดีในบอร์ด ตัวจริงก็อัธยาศัยดีเหมือนกัน

12. มนุษย์สายพันธุ์Googleรู้ทุกเรื่อง แต่ถ้าคุยลึกๆจริงๆแล้วจะไม่รู้สักเรื่อง

13. แถมวิเคราะห์ วิจารณ์ ไม่ได้อีกตะหาก

14. เรื่องดราม่ามักจบลงด้วยคำว่า "ขอโทษ"

15. แต่ถ้ามีเรื่องครั้งใหม่ เรื่องเดิมก็จะถูกขุดโคตรเหง้าศักราชมายำต่อ

16. คำด่าในเว็บ โดยมากมักจะไม่ใช่คำด่าจริงๆที่คนพิมพ์กล้าพูดต่อหน้า

17. คนด่าบางทีก็ลืมไปว่าตัวเองเคยด่าเรื่องอะไรไว้

18. แต่คนถูกด่ามักจะไม่ลืม

19. คอมเมนต์มักถูกชี้นำด้วยความคิดเห็นแรกเสมอ

20. โดยเฉพาะเว็บเด็กX และพันติ๊ปเฉลิมX

21. เวลาไพรม์ไทม์ในการตั้งกระทู้ คือ 17.00-22.00

22. แต่เวลาอัพบล็อกจะเป็น 9.00-12.00 และ 19.00-23.00

23. อยากดราม่าให้เริ่มประเด็นต่อไปนี้ การเมือง สถาบันการศึกษา ภาษา ศาสนา ความเชื่อ และ XXX

24. แล้วอีกไม่นานคุณก็จะได้พาดหัวขึ้นดราม่าแอดดิคต์เอง

25. อีกวิธีคือไปหาเรื่องเมมเบอร์ดังๆ

26. เกือบทุกความคิดเห็นพร้อมจะเปลี่ยนข้างเมื่อกระแสเปลี่ยน

27. ทั้งที่ข้อเท็จจริงมันไม่เปลี่ยน

28. คนที่ไม่เปลี่ยนข้างมีสองกรณี คือเกรียน กับ มั่นใจ

29. ซึ่งทั้งสองประเภทแยกออกได้จากลักษณะการใช้คำ

30. คนตั้งกระทู้/เขียนบล็อกมีสามแบบ

31. หนึ่งคือเขียนแล้วทิ้ง กลับมาดูแต่ไม่ให้ความเห็นตอบ

32. สองคือตะบี้ตะบันขยันตอบมันทุกคอมเมนต์ ไม่ว่าจะเป็นคอมเมนต์หาเรื่องหรือคอมเมนต์ดีๆ

33. สามคือเลือกตอบเฉพาะคอมเมนต์ที่พอใจจะตอบหรือมีสาระพอจะตอบ

34. หลายคนอ่านแค่หัวเรื่องแล้วพิมพ์ตอบเลย

35. ซึ่งทำให้เกิดดราม่าหรือเรื่องฮา ขึ้นอยู่กับความซีเรียสของเนื้อหาและคำตอบ

36. แต่หลายคนอ่านจนครบแล้วก็ยังตอบไม่เข้าเรื่อง

37. เรียกว่าอ่านหนังสือไม่แตก เป็นปัญหาของระบบการศึกษาภาษาไทย

38. ทำให้เกิดดราม่ามากมาย หาได้ตามเว็บบอร์ดทั่วไป

39. การเถียงกันบนกระทู้สาธารณะ ไม่ร้ายเท่าการถูกส่งเมล์ด่า เอ็มเอสเอ็นด่า หรือหนักสุดคือโทรตามด่า

40. กรณีดังกล่าวถือว่าเป็นโรคจิตคุกคาม คนที่เคยโดนควรแจ้งตำรวจลงบันทึกประจำวัน

41. อย่าปล่อยให้คนโรคจิตบนเน็ตลอยนวล

42. คนที่อ้างว่าเป็นกลาง ไม่เคยเป็นกลางจริงๆ

43. บางทีคนเลือกข้างยังเป็นกลางกว่า

44. อำนาจโฟโต้ช็อปเหนือทุกสิ่ง

45. แต่ที่เหนือกว่าคือ ICT

46. เพราะประเทศนี้มีระบบกรองข้อมูลจากต่างประเทศระดับสูงที่มีเพียงสามประเทศในโลก

47. ซึ่งอีกสองประเทศคือจีนแดง และเกาหลีเหนือ

48. อย่าซีเรียสกับเรื่องทุกเรื่องที่เกิดขึ้นบนสังคมอินเตอร์เน็ต

49. สุดท้ายแล้วเราก็ต้องทำงานหาเงินมาจ่ายค่าไฟ-ค่าเน็ตเองอยู่ดี ฮ่า


วันอังคารที่ 5 มกราคม พ.ศ. 2553

เชื่อไม่ได้

ชาวนาคนหนึ่งกำลังขุดดินอย่างขะมักเขม้น

ในขณะที่ สส. ท่านหนึ่งขับมาอย่างรวดเร็ว

และแล้วก็เสียหลักพลิกคว่ำ

สส.กระเด็นออกจากรถ

และตกลงไปในคูเล็กๆข้างถนน

ครึ่งชั่วโมงต่อมา หน่วยกู้ภัยและตำรวจก็มาถึงที่เกิดเหตุ

ตรงจุดที่ สส. ตกลงไปนั้นมีพูนดินใหม่ๆเกิดขึ้น

ตำรวจหันซ้ายหันขวาหาผู้บาดเจ็บไม่เห็น

จึงตรงเข้าไปถามชาวนา

"ลุงเห็นรถทั่น สส. ที่รถคว่ำมั้ย" ผู้หมวดถาม

"เห็นครับ" ชาวนาตอบ

"อยู่ที่ไหนล่ะ" ผู้หมวดมองซ้ายขวา

"โน่น"ชาวนาชี้ไปยังพูนดินที่เพิ่งมีขึ้น

"หา!!!ฝังเลยเรอะ รู้ได้ไงว่าตายแล้ว"

"อ๋อ...เจ้าตัวเค้าบอกว่าเค้ายังไม่ตาย

แต่หมวดก็รู้นี่ครับ ว่าพวกนี้พูดอะไรเชื่อถือไม่ได้"

10 เรื่องตลกฮิตสุดๆ

ผู้ติดตาม

เว็บ/บล็อกเพื่อนบ้าน

เรื่องตลก รวมเรื่องตลก เรื่องขำขัน ขำขำ โจ๊กฮาๆ
แลกลิ้งค์ ติดต่อ jootgroup[@]gmail.com

  ©เรื่องตลก รวมเรื่องตลก เรื่องขำขัน ขำขำ โจ๊กฮาๆ. Template by Dicas Blogger.

TOPO